[Review ภาพยนตร์ Action Sci-Fi Disney+ Hotstar ] Prey (2022) พรีเดเตอร์จอมโฉดแห่งยุคล่าอาญานิคม
เรียกได้ว่าเดินทางกันมาไกลสุดขอบทางมากสำหรับหนังแฟนไชน์นี้เ Prey ก็เป็นหนังในจักรวาล Predator ในลำดับที่ 5 ที่เล่าย้อนไปสู่ช่วงยุคแรกที่เอเลี่ยนนักล่าหรือพรีเดเตอร์มาเยือนโลก หญิงสาวชนเผ่าพื้นเมืองคนนึงต้องรับมือกับการถูกตามล่าของพรีเดเตอร์
นี่ถือเป็นเรื่องล่าสุดที่มาลงสตรีมมิงทาง Disney+ Hotstar โดยอาจกล่าวได้ว่าเป็นมรดกตกทอดจากการควบรวมค่าย 20th Century Fox เข้ามาร่วมชายคา และคงต้องบอกว่าเป็นการเอาเผ่าพันธุ์ Yautja กลับมาสู่จอได้อย่างเหมาะสมเสียที หลังจาก โยนหินถามทางกันอยู่นานเกือบ 20 ปี 30 ปี
ด้วยการที่พยายามปลุกคืนชีพตแฟรนไชส์โดยไม่ใช้เลขภาคต่อใน ‘Predators’ (2010) และ ‘The Predator’ (2018) ที่กลายเป็นหนังที่มีแนวทางเฉพาะทาง ดังนั้นความน่าสนใจคือ Prey (2022) มันจะเป็นหนังที่เรื่องราวจะนำพาไปรู้จักของจุดเริ่มต้น หนังก็ยังได้ผู้กำกับอย่าง Dan Trachtenberg มากำกับเรื่องนี้ ก็นับว่าน่าสนใจเลยทีเดียว
เรื่องราวใน Prey (2022) มันเกินขึ้นช่วงราวปีค.ศ 1700 ปลาย ๆ ผู้ล่าและเหยื่อในห่วงโซ่อาหารที่มีลำดับชั้น แต่มีนัยถึงเรื่องศักดิ์ศรีการยอมรับของนักรบอยู่ในตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่กินใจผู้ชมที่ชื่นชอบหนังแนวบู๊ระห่ำเลือกสาด ในหนังแนวนี้ยิ่งมีความห่างชั้นระหว่างผู้ล่าและเหยื่อมากเท่าใด คนดูก็ยิ่งจะลุ้นเอาใจช่วย และจะยิ่งปลาบปลื้มได้มากขึ้นเมื่อฝั่งมวยรองบ่อนพลิกเอาชนะหรือเอาชีวิตรอดมาได้
แต่เนื่องจากยุคนั้น มันไม่ได้อาวุธแรง ๆ เหมือนสมัยนี้ เต็มที่ก็แค่ กระสุนปืนใหญ่หรือระเบิดทำมือที่หวังผลอะไรไม่ได้ มันจึงนำมาสู่วิธีคิดที่ว่าให้นักล่าต่างดาวที่โหดเหี้ยม พละกำลังมหาศาล มีสติปัญญาสูงส่ง แถมมีอาวุธล้ำสมัยทั้งระยะประชิดและระยะไกล รวมถึงหายตัวได้อีก ต้องมาสู้กับเหยื่อที่อายธรรมต้อยต่ำกว่า มีเครื่องไม้เครื่องมือเอาชีวิตรอดในธรรมชาติไปวัน ๆ ยังดูยากลำบากอย่างชนเผ่าพื้นเมืองโคแมนชี (Comanche) ของอเมริกาที่มีวัฒนธรรมของการล่าอยู่ด้วยนี่เอง
แม้ว่าการต่อสู่จะดูดุเด็ดผิดมันส์ แต่ก็ชวนไปด้วยความอึดอัดไม่น้อยเพราะการที่เอาจะธนูล่าสัตว์ไปตะลุมบอนกับเพื่อนรักนักฆ่าจากต่างดาวก็เห็นว่าคงไม่ได้ไม่งามแน่ แต่สุดท้าย มนุษย์ก็สามารถเรียนรู้จนสามารถต่อกรกับพวกมันได้ในท้ายที่สุด
แน่นอนว่าทางด้านหนังทำบรรยากาศได้ออกมาดี ท่ามกลางบรรยากาศของป่า ความเงียบสงัด ความระทึกขวัญปนสยองขวัญที่คาดเดาไม่ได้ในการจู่โจม หรือแม้กระทั่งการที่หนังไม่ได้ทำตัวให้ออกมามีความใหญ่โตหรืออลังการแต่อย่างใด โดยการต่อสู้ฟาดฟันระหว่างกันอย่างเดือด ๆ
สิ่งที่ดีงามคือตัวหนังได้มีการดังเอาเสน่ห์ของภาคแรกมาใช้ด้วยการเน้นความระทึกขวัญของบรรยากาศ ซึ่งที่ว่ามาก็ชวนให้กลิ่นอายไปสู่ภาคแรก เป็นหนังที่ทั้งเคารพภาคแรกและมันก็มีเสน่ห์ในตัวเองของภาคนี้ด้วยเช่นกันก็ที่แม้อาจจะยังไม่ได้สมบูรณ์นัก แต่ก็ถือว่าเป็นการกลับมาอย่างได้สนุกเพลิดเพลินและน่าประทับใจ บรรยากาศและความบ้าระห่ำก็ทำให้ได้หวนไปสู่กลิ่นอายของภาคแรกอีกครั้งและไม่ละทิ้งเสน่ห์ในตัวเองของภาคนี้เช่นกัน
สรุปคือ Prey (2022) บอกเลยว่าเป็นหนังที่ตีโจทย์การสร้างได้ขาด ผิดกับหนักก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าทะลายกำแพงและสามารถป้อนปากผู้ชมที่ต้องการเรื่องราวดิบได้อย่างเนียนกริบใส่นัยความขัดแย้งเชิงประวัติศาสตร์และข้อถกเถียงถึงกระแสของโลกปัจจุบันลงไปแบบเห็น คน VS มนุษย์ต่าง ได้ดีสำหรับใครที่สนใจสามารถหาดูได้ที่ทาง Disney+ Hotstar สล็อต เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ เล่นพนันออนไลน์ ไม่มีขั้นต่ำ